วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ภูอุทัย เขาใหญ่

ตอนที่ 1 พักผ่อนที่ภูอุทัย มวกเหล็กวันที่
10 ธันวาคม 2553
เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๕๓ ที่ผ่านมา เป็ดวันหยุดพิเศษสำหรับโรงเรียนเพื่อสนองนโยบายการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๙ "ชลบุรีเกมส์" จึงมีโอกาสได้พักผ่อนกับครอบครัว โดยเริ่มเดินทางในบ่ายต้น ๆ ของวันที่ ๑๐ ธันวามคม ซึ่งตรงกับวันรัฐธรรมนูญของไทย (และประชาธิปไตยไทยก็ยังไม่ไปถึงไหนสักที)  ผมและครอบครัว ๖ ชีวิต ( ๔ คน ๒ ตัว) บนรถวีโก้ ๓๐๐๐ ซีซี พร้อมลุยทุกที่ทั่วไทย เป้าหมายคือเขาใหญ่   ลูกชายเป็นคนขับรถพาเดินทางจากศรีราชา ตามถนนมอเตอร์เวย์ บางประอิน มุ่งสู่สระบุรี  เรื่องเส้นทางผมไม่ค่อยได้จำ แต่ว่าอาศัยลูกชายชอบศึกษาเส้นทางก่อนเดินทางเสมอ พ่อเลยค่อนข้างสบายไม่ห่วงที่จะหลงไปไหน และยิ่งปัจจุบัน ระบบนำทางในโทรศัพท์มือถือ หรือ BB มันสามารถบอกเราได้ตลอดทาง การเดินทางครั้งนี้ เลยใช่ระบบนำทางของ Google Map  ซึ่งมันทันสมัยมาก บอกพิกัดที่เราทุกระยะ  เมือกำหนดต้นทางปลายทางไว้  การเดินทางครั้งนี้จึงถูกกำหนด ต้นทางที่ศรีราชา และ ปลายทางที่ ภูอุทัย มวกเหล็ก สระบุรี ครับ  การเดินทางคล่องตัวแต่มีรถติดช่วงขึ้นสู่มวกเหล็กเนื่องจากมีการซ่อมไหล่ทาง  ระยะทางประมาณ ๕ กม.  เอาเป็นว่าเอาแผนที่มาใส่ให้ดูเลยว่าเส้นทางจะไปภูอุทัยเดินทางกันอย่างไร
แผนที่ภูอุทัย



สรุปว่าเดินทางถึงภูอุทัย ประมาณ ๕ โมงเย็น อากาศสบาย ๆ ไม่ร้อนไม่หนาว แว็ปแรกที่มองเห็นภูอุทัย รุ้สึกทันทีว่าการมาครั้งนี้ถูกที่แล้ว เพราะบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมสถานที่ต่าง ๆ ดูเป็นธรรมชาติ  สะอาด ดีกว่าหลาย ๆ ที่เคยไปแคมปิ้งมา ดูภาพถ่ายแทนคำบรรยายนะครับ
หลังจากกางเต้นท์ที่นอน เรียบร้อยแล้ว ได้มีโอกาสไปกินข้าวมือเย็นที่ร้านรับรองแขกของรีสอร์ท มีอาหารให้สั่งได้เหมือนร้านทั่วไป เมนูมื้อเย็นวันนี้ถ้าจำไม่ผิดก็มี ไข่เจียว ปลาทับทิมทอดกระเทียมพริกไทย ต้มยำไก่ ลาบหมู ยังไม่หมดนะแต่จำไม่ได้ อีกสักสองเมนู เช็คบิลแล้วราคาเกินครึ่งพันไปนิดหน่อย เอาว่าราคานี้รับได้  ลืมบอกไปว่าราคาค่ากางเต้นท์นอนที่นี้ นำเต้นของเราเองนะครับ คิดตามจำนวนหัว ๆละ 150 บาท ทริปนี้มา 4 คน กับอีก 2 ตัว ต้องจ่ายค่ากางเต้นท์ 600 บาท อีก 2 ตัว ไม่คิดเงิน แต่ถ้าเป็นอุทยานทั่วไปจะไม่ให้เอาสัตว์เลี้ยงเข้าไปนะครับ นี่จึงเป็นเหตุให้ต้องนอนกางเต้นท์ในรีสสอร์ทของเอกชนในคืนนี้ ช่วงกลางคืนอากาศเย็นกำลังดี น่าจะอยู่ระหว่าง 22-25 องศาซี  ที่จริงที่นี่มี activity ให้หลายอย่าง แต่ทริปนี้ตั้งใจมาแวะกางเต้นท์นอนพักผ่อนกับธรรมชาติ แบบสบาย ๆ ไม่มีผจญภัย ถ้าสนใจรายละเอียดของที่ภูอุทัยนี่ ดูได้ที่ http://www.phu-uthai.com/
ตอนที่ 2 หม่ำเสต็คชั้นยอดที่ฟาร์มโชคชัย
  11  ธันวาคม 2553
วันนี้ผมตื่นแต่เช้า ตีห้าครึ่ง หวังจะได้เห็นธรรมชาติยามเช้าของภูอุทัย ก็ไม่ผิดหวังเนื่องจากอากาศยามเช้าที่สดชื่น กับคุณภาพโอโซนระดับ 7 ของโลก (เค้าแสดงป้ายติดประกาศว่าเป็นเช่นนี้) ก็ได้ความสดชื่นอย่างที่ต้องการ 


การเดินทางต่อในเช้าวันนี้หลังจากเก็บเต้นท์  เป้าหมายแรกคือ หม่ำเสต็คที่ฟาร์มโชคชัย ที่เค้าว่ามันอร่อยนักอร่อยหนา วันนี้ตั้งใจจะกินให้เต็มที่ และจะไม่ตกใจกับราคาที่เขียนไว้ในเมนู  ทุกคนในครอบครัวก็คิดเหมือนกัน ทำงานหนักมามากแล้ว กินให้เต็มที่ เดี๋ยวจะไม่ได้กิน ฉะนั้นแต่ละจานวันนี้จึงพิเศษ จริง ๆ




สรุปว่ามื้อนี้ก็ไม่แพงเกินไปที่จะรับได้เพราะตั้งใจมากิน อิ่มจนพุงกาง ไม่ถึงหัวละ ๕๐๐ บาท มานั่งทบทวนชีวิตดู บางมื้อกินอาหารธรรมดา ดื่มสุราธรรมดา ๆ หลายมื้อหลายคราวในชีวิตหมดมากกว่านี้เยอะ ทริปนี้นั่งกินข้าวกับลูกเมีย มันถือว่าครบสมบูรณ์ของความเป็นครอบครัวแล้วครับ

ตอนที่ 3 บุกด่านเขาใหญ่
11 ธันวาคม 2553
หลังจากเสต็คจานใหญ่ ราคาแพงไม่น้อยแล้ว เป้าหมายต่อไปคือ อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เขาใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้จักที่นี่ แต่ไม่น่าเชื่อมันเป็นครั้งแรกของผม คงเพราะมันอยู่ใกล้เกินไป แลยเหมือนกับภาษิตไทยว่า ใกล้เกลือกินด่าง  (ทำนองนั้น)  เป้าหมายการพักแรมคืนนี้ยังเป็นที่รังเรเล็กน้อย เนื่องจากว่า เรามีอีก ๒ ตัวที่มาด้วย เขตอุทยานแห่งชาติมีระเบียบไม่ให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าเขต จึงสองจิตสองใจ ไม่อยากเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้มาว่ากล่าวได้  คิดจะนอนรีสอร์ทเอกชนที่บรรยากาศดี ๆ ติดเขาใหญ่ ก็ไม่ได้เตรียมข้อมูลไว้ หลังจากขับรถวนเวียนหารีสอร์ท ของเขตไม่เป็นที่พึงพอใจ จึงตัดสินใจ เป็นไงเป็นกัน เรา ๔ คน กับอีก ๒ ตัว(ต้องห้าม)  จะบุกเข้าไปหาที่นอนที่ในเขาใหญ่ให้ได้ ถ้าไม่มีที่กางเต้นท์ ก็หมุนล้อออกปราจีนบุรี แวะเยี่ยมพี่สาวที่ศรีมหาโพธิ ๑ คืน แล้วกลับบ้าน  ปรากฎว่าที่หน้าด่านเก็บเงินเขาใหญ่วันนี้รถนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก เราเข้าคิวต่อขบวนรถ เก็บเจ้าตัวน้อยไว้หลังเบาะคอยดูแลอย่างดี เพื่อหลบตาเจ้าหน้าที่ ไม่อยากลงไปชี้แจงขออนุญาตเป็นพิเศษให้มากเรื่อง ที่ด่านนี้เก็บค่าหัวนักท่องเที่ยวคนละ ๔๐ บาท  ค่ารถ ๕๐ บาท  และรถของเราก็ผ่านเข้าไปได้เรียบร้อย 
บนเขาใหญ่มีที่กางเต้นท์สำหรับนักท่องเที่ยว ๒ จุด ใหญ่ ๆ ได้แก่ ลานผากล้วยไม้ กับ ลานลำตะคอง



ผากล้วยไม้เป็นจุดที่อาศัยกางเต้นท์นอนในคืนนี้ คนแน่นมากผมมาถึงนี่ประมาณ บ่ายสามโมงกว่า ๆ รถและเต้นท์แน่นไปหมดแทบไม่มีที่ว่าง  เราตัดสินใจต้องหาที่แทรกเต้นท์นอนให้ได้ หลังจากหาที่ว่างอยู่พักใหญ่


เจ้ากวางตัวเมียตัวนี้มันออกมาเยี่ยมในตอนกลางคืน ใกล้ๆเตนท์ที่กางอยู่ รู้สึกว่ามันมีท่าคุ้นเคยกับคนที่มาพักที่นี่

ภาพน้ำตกเหวสุวัต ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ดูจากจุดชมวิวสวยมาก มีทางลงไปข้างล่าง บอกได้เลยไม่กล้าลงไป กลัวเหนื่อย ๆ สังเกตเด็ก ๆ เดินขึ้นมาหอบแฮกทุกคน เรามันเป็นพวก สว.แล้ว ประเมินสถานะการณ์ไม่ผ่าน ขอบาย ขอดูจากมุมบนไปก่อน
ร้านของที่ระลึกบนน้ำตกเหวสุวัต ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีเสื้อ ผ้า และของระลึกอื่น ๆ ไม่มากมายนัก ถ้าคิดจะซื้อต้องคิดแล้วคิดอีกเพราะยังไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้เห็นชัดเจนนัก ภาพนี้ต้องขอยืมจากเว็บท่านอื่นมากก่อน เพราะถ่ายได้ไม่ดีเท่านี้ หวังว่าคงไม่ว่ากันนะ